ก้อเปงด้ายแค่คนไม่เอานั๋ย

ก้อเปงด้ายแค่คนไม่เอานั๋ย

4.บุคคลสำคัญ







บุคคลสำคัญที่มีส่วนสร้างสรรค์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทย
     ชนชาติไทยมีประวัติความเป็นมาและมีการสร้างสรรค์วัฒนธรรมด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง มีบุคคลสำคัญหลายท่านทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้มีส่วนในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย ซึ่งไม่อาจกล่าวได้หมดทุกท่าน จึงเพียงยกตัวอย่างมาเป็นกรณีศึกษาเท่านั้น
บุคคลสำคัญและผลงานในสมัยกรุงสุโขทัย
    ตัวอย่างบุคคลสำคัญและผลงาน ที่มีส่วนสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยในสมัยสุโขทัย เช่น
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรสุโขทัยเจริญสูงสุดและขยายอาณาเขตออก
ไปอย่างกว้างไกล ผลงานสำคัญของท่าน คือ ทรงคิดประดิษฐ์ตัวอักษรไทยและมีการบันทึกลงในศิลาจารึกอันถือว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นแรกของไทย และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่ายิ่ง จากการที่พระองค์ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา วัฒนธรรมของสุโขทัยจึงมีอิทธิพลของศาสนาอยู่ในทุกแขนงและถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน สุโขทัยมีการติดต่อค้าขายและมีไมตรีด้วยดีกับจีนมาโดยตลอด มีการส่งช่างทำถ้วยชามมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ทำให้ชาวสุโขทัยมีการทำถ้วยชามกระเบื้องและเครื่องสังคโลกเป็นสินค้าออก
พระมหาธรรมราชาลิไท
ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์พระร่วง ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนาและทรงแตกฉานในพระไตรปิฎกมาก ทรงนิพนธ์ เตภูมิกถาหรือ ไตรภูมิพระร่วงซึ่งเป็นวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาภาษาไทยเล่มแรก นอกจากนี้พระองค์ยังได้ทรงวางแบบแผนคณะสงฆ์ตามแบบอย่างของลังกาอีกด้วย
บุคคลสำคัญและผลงานในสมัยกรุงศรีอยุธยา
    ในยุคอาณาจักรอยุธยามีความเจริญสูงสุดในทุกๆ ด้าน ทั้งการเมือง การปกครอง การทหาร
การค้าขาย รวมทั้งศิลปวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นราชธานีอยู่นานถึง 417 ปี มีกษัตริย์สืบต่อมาถึง 33 พระองค์
        ตัวอย่างของบุคคลสำคัญที่ได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมในสมัยอยุธยาที่สำคัญ เช่น
พระบรมไตรโลกนาถ ทรงเป็นรัชกาลที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงมีพระปรีชาสามารถ
ทั้งการรบ การปกครอง การศาสนาทั้งพราหมณ์และพุทธ ได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ มหาชาติคำหลวง(เวสสันดรชาดก) เป็นภาษาไทย
พระนารายณ์มหารราช ในสมัยพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยามีการติดต่อ
ค้าขายกับชาวต่างชาติหลายชาติ พระนารายณ์มหาราชทรงรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาปรับปรุงวัฒนธรรมไทยในด้านต่างๆ ทรงปรับปรุงกฎหมายและตรากฎระเบียบขึ้นมาใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพบ้านเมือง เช่น  แก้ไขระเบียบธรรมเนียมเข้าเฝ้า การแต่งกาย และทรงรับเอาความเจริญทางเทคโนโลยีและวิชาการต่างๆมาใช้ในไทย เช่น การใช้ปฏิทิน ดาราศาสตร์
เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ได้ทรงนิพนธ์วรรณคดีหลายเรื่อง เช่น
กาพย์เห่เรือ ซึ่งได้รับคำนิยมว่าเป็นกาพย์ที่ดีที่สุดและทรงมีผลงานวรรณกรรมด้านศาสนา คือ
นันโทปนันทสูตรคำหลวง และพระมาลัยคำหลวง
เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ เจ้าพระยาวิไชเยนทร์เป็นชาวกรีกเดิมชื่อ คอนสะเแตนติน
ฟอลคอน เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยพระนารายณ์มหาราช จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ ท่านมีคุณงามความดีและมีบทบาททางการค้าระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
ออกญาเสนภิมุข หรือยามาดา นางามาสา ความสัมพันธ์ไทยกับญี่ปุ่นปรากฏ
หลักฐานอย่างเป็นทางการในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ มีชาวญี่ปุ่นที่ได้รับราชการมีความดีความชอบและได้รับการยกย่องได้แก่ ออกญาเสนาภิมุข หรือ ยามาดา นางามาสา มีตำแหน่ง เป็นเจ้ากรมอาสาญี่ปุ่นรับราชการตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถด้วยความซื่อสัตยสุจริตได้มีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์วุ่นวายเนื่องจากปัญหาในการสืบราชสมบัติ หลังการสิ้นพระชนน์ของพระเจ้าทรงธรรมหลายครั้ง
เฉกอะหมัด คูมี ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าทรงธรรม ให้เป็นพระยาเฉกอะหมัด
รัตนราชเศรษฐ์ ว่าที่เข้ากรมท่าขวาและจุฬาราชมนตรี ท่านมีบทบาททางการเมืองของชาวมุสลิมต่อกรุงศรีอยุธยานับว่าเป็นปฐมจุฬาราชมนตรีของอิสลามในประเทศไทย
บุคคลสำคัญและผลงานในสมัยกรุงรัตน์โกสินทร์
สมัยต้นรัตนโกสินทร์ได้นำวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของกรุงศรีอยุธยามาใช้ในเกือบทุกด้าน โดยนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพสังคมและสถานการณ์บ้านเมือง ตัวอย่างบุคคลสำคัญและผลงานในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาหาราช (รัชกาลที่ 1) ทรงโปรดให้ย้าย

ราชธานีจากกรุงธนบุรีมาสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้น ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามและพระพุทธรูปโบราณที่ถูกทอดทิ้งให้ชำรุดตามหัวเมืองต่างๆ มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 11 ในด้านศิลปะทรงรวบรวมช่างไทยสิบหมู่ที่สืบทอดความรู้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ด้านวรรณกรรมนั้นทรงโปรดให้นิพนธ์วรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ ส่วนทางด้านเนติธรรมทรงโปรดให้ชำระกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่อยุธยาให้มีความเที่ยงธรรมและครอบคลุมมากขึ้นเรียกว่ากฎหมายตราสามดวง


 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ในสมัยรัชกาลที่ 2
บ้านเมืองเริ่มสงบจากภัยข้าศึก ความเจริญทางวัฒนธรรมจึงมีความโดดเด่นและมีมากมายหลายด้าน โดยเฉพาะทางด้านวรรณกรรม รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระปรีชาสามารถในการประพันธ์เป็นอย่างสูง ทรงนิพนธ์วรรณคดีเรื่องอิเหนา สังข์ทอง ไกรทอง กาพย์เห่เรือ เสภาขุนช้างขุนแผน ฯลฯ
สุนทรภู่ ในสมัยรัชกาลที่ 2 ศิลปินที่มีชื่อเสียงทางการประพันธ์อย่างมากที่สุดของไทย
ถือว่าเป็นกวีของประชาชน คือ สุนทรภู่ ท่านมีผลงานทางวรรณกรรมหลายประเภท คือ นิราศ บทละคร เสภากลอน กาพย์ บทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี คือ วรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี


 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้รับเอาวัฒนธรรมจีนมาดัดแปลงผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยเป็นอันมาก โดยเฉพาะงานการสร้างศิลปวัตถุและวัดวาอาราม เนื่องจากทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา รัชสมัยของพระองค์จึงมีการสร้างและทำนุบำรุงวัดในพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก งานศิลปกรรมวัฒนธรรมมุ่งสร้างเพื่อถวายแด่พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังทรง
สนับสนุนให้นักปราชญ์จารึกวรรณคดี ตำรา ความรู้ที่สำคัญๆ ไว้บนแผ่นศิลาติดไว้ตามศาลารายรอบพระอุโบสถและรอบพระมหาเจดีย์บริเวณวัดพระเชตุพน เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและรักษาวิชาการเหล่านั้นไว้ไม่ให้สูญหายไป


 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ทรงมีนโยบายเปิดประเทศและรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาปรับปรุงผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ตระหนักถึงความสำคัญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย

เซอร์ จอห์น เบาริง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยได้ทำสนธิสัญญาเบาริงกับประเทศอังกฤษ โดยหัวหน้าคณะทูตที่มาเจรจา คือ เซอร์ จอห์น เบาริง ซึ่งสนธิสัญญาฉบับนี้เป็นต้นแบบในการทำสัญญากับชาติตะวันตกอื่น แม้ผลของสนธิสัญญาเบาริงจะมีผลกระทบทางด้านการเมืองเพราะชาวต่างชาติที่มาติดต่อกับไทยไม่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฏหมายไทยก็ตาม แต่ก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนจากการผลิตในครัวเรือนมาเป็นการผลิตเพื่อการค้า ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมในเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ไพร่และแรงงานในเวลาต่อมา เซอร์ จอห์น เบาริง ยังได้มีบทบาทเป็นผู้สำเร็จราชการดูแลกงสุลไทยในยุโรป และเป็นราชทูตแห่งสยามไปเจริญสนธิสัญญาการค้ากับประเทศนอร์เวย์ สวีเดน และเบลเยี่ยม

หมอบรัดเลย์ หมอบรัดเลย์เป็นมิชชันนารีชาวอเมริกันที่มีบทบาทสำคัญต่อ
ประวัติศาสตร์ไทย คือท่านได้สั่งแท่นพิมพ์ภาษาไทยเข้ามาตั้งโรงพิมพ์แห่งแรก ทำให้กิจการหนังสือพิพม์เกิดขึ้นในประเทศไทย หนังสือพิมพ์ฉบับแรกในเมืองไทยคือ บางกอกรีคอร์เดอร์ เป็นของชาวต่างประเทศ ส่วนวารสารฉบับแรกของไทยออกโดยทางราชการไทยได้แก่ ราชกิจจานุเบกษา ความก้าวหน้าทางการพิมพ์ทำให้มีการเผยแพร่ประวัติ ตำนาน ขนบธรรมเนียม ความรู้และศาสนา ระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของกันและกัน ช่วยให้การติดต่อระหว่างกันสะดวกสบายขึ้นเป็นอันมากนอกจากนี้หมอบรัดเลย์ได้เริ่มเป็นผู้วางรากฐานวิชาการแพทย์สมัยใหม่ในประเทศไทยโดยได้เริ่มเป็นผู้ทำการผ่าตัดครั้งแรกในเมืองไทย


 
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงได้รับการยกย่องเป็นพระปิยะมหาราช ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยพระปรีชาสามารถสุขุมคัมภีร์ภาพจนรอดพ้นจากลัทธิ ล่าอาณานิคมทรงปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับตะวันตก ทรงมีพระราชดำริให้เลิกทาส
เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมในเรื่องสิทธิมนุษยชนให้มีความเสมอภาคในสังคมไทย นอกจากนี้ยังทรงปรับปรุงการคมนาคม การสื่อสาร การศึกษา จนเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศไทยมาจนทุกวันนี้


 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในรัชสมัยของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) อิทธิพลของวัฒนธรรมต่างชาติ กำลังรุกล้ำหนักจึงทรงปรับปรุงและปลูกฝังวัฒนธรรมไทยให้คนไทยรักชาติ มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อชาติและนิยมไทยมากขึ้น ทรงตั้งกองเสือป่าเพื่อสนับสนุนและเผยแพร่อุดมการณ์ชาตินิยมในหมู่สมาชิก